แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในด้านการบริหารจัดการภายในสโมสร ล่าสุดมีรายงานว่า สโมสรเตรียมยกเลิกการให้บริการโรงอาหารสำหรับพนักงาน และหันมาใช้ผลไม้ทดแทนอาหารมื้อหลัก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการลดต้นทุนภายใต้การกำกับดูแลของเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของร่วมคนใหม่ที่เข้ามาบริหารสโมสร
ในวันจันทร์นี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีกำหนดจัดการประชุมกับพนักงานเพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการลดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยคาดการณ์ว่าจะมีการประกาศเลิกจ้างพนักงานอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อปีที่แล้ว สโมสรได้ดำเนินการปลดพนักงานไปแล้วถึง 250 คน การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่สโมสรขาดทุนสะสมสูงถึง 300 ล้านปอนด์ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเลขที่สร้างแรงกดดันให้ทีมบริหารต้องเร่งปรับโครงสร้างเพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบทางการเงินของพรีเมียร์ลีก หรือที่เรียกว่า “กฎผลกำไรและความยั่งยืน” (Profitability and Sustainability Rules – PSR)
- ‘เป๊ป’ แจงเหตุ ‘ฮาลันด์’ ไร้ชื่อเกมพ่ายลิเวอร์พูล
- อยากให้อยู่!ลือไก่เดินหน้าถก ‘เบนทานคูร์’ เรื่องสัญญาฉบับใหม่
- ลุ้นติดทีมชาติ!’แมดดิสัน’ เผยได้พูดคุย ‘ทูเคิ่ล’ บ้างแล้ว
เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ซึ่งเข้ามาถือหุ้นในสโมสรเมื่อไม่นานมานี้ ได้แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนในการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และมุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อให้สโมสรสามารถกลับมาผงาดในเวทีลูกหนังได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของพนักงาน และสร้างความกังวลในหมู่แฟนบอลเกี่ยวกับทิศทางการบริหารของสโมสร
ในสนาม ผลงานของทีมในฤดูกาลนี้ย่ำแย่ไม่แพ้กัน ปัจจุบัน “ปิศาจแดง” รั้งอยู่อันดับที่ 15 ของตารางพรีเมียร์ลีก โอกาสที่จะคว้าสิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลหน้าผ่านการจบอันดับในลีกดูจะริบหรี่ลงทุกขณะ ทางเลือกที่เหลืออยู่ของยูไนเต็ดคือการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ หรือยูโรป้า ลีก ซึ่งจะเป็นตั๋วใบเดียวที่พาทีมกลับไปโลดแล่นในเวทียุโรปได้
การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ทั้งในและนอกสนามสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกำลังเผชิญ ไม่เพียงแต่ต้องต่อสู้เพื่อเรียกฟอร์มเก่งในเกมการแข่งขัน แต่ยังต้องจัดการกับปัญหาการเงินที่รุมเร้าอย่างรอบคอบ คงต้องจับตาดูว่า “ปิศาจแดง” จะสามารถฝ่าวิกฤตนี้และกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ได้หรือไม่ในอนาคตอันใกล้